สำหรับใครที่มีความสนใจที่จะเลือกซื้อประกันให้ตัวเอง หรือคนที่เรารัก ถ้าหากไม่มีข้อมูลที่มากพอ ก็อาจจะทำให้เป็นเรื่องลำบากใจในการเลือกซื้อประกันได้เหมือนกัน เพราะในปัจจุบันมีประกันหลายประเภทให้เลือกซื้อในงานกันมากมายหลายชนิด แล้วคำถามที่ว่าแบบไหนล่ะ ถึงจะเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด วันนี้เราเลยหาคำตอบมาให้ทุกคนได้ดูกันว่า แต่ละวัย ควรเลือกประกันชนิดไหนจึงจะเหมาะสมมากที่สุด เพราะจะได้ช่วยย่นเวลาในการตัดสินใจให้ง่ายขึ้นได้นั่นเอง
วัยเด็ก (0 – 20 ปี) ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ
สำหรับประกันที่จะซื้อให้กับเด็กวัยดังกล่าว คงไม่ใช้ประเภทประกันภัยที่จะนำเอามาลดหย่อนภาษี หรือเพื่อเป็นมรดกให้แก่คนข้างหลังอย่างแน่นอน เพราะสำหรับเด็กในวัยแบบนี้คงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงไปมากกว่าสุขภาพ เพราะฉะนั้นประกันที่มีความเหมาะสมมากที่สุด ควรเหมาะกับการทำประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ มากกว่าประกันชีวิต เพราะถือเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยได้มากกว่าวัยอื่น ๆ
วัยทำงาน (21 – 30 ปี) ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
สำหรับประกันที่ควรจะต้องซื้อให้เหมาะกันช่วงวัยทำงาน ที่ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ยังไม่มีใครที่มาพึ่งพิงรายได้หลักของตัวผู้ซื้อประกันภัย จึงเหมาะที่จะเป็นวัยที่ควรจะวางแผนเกี่ยวกับการเงิน เพื่อให้เป็นรากฐานในการใช้ชีวิตภายในอนาคต และเมื่อผู้ทำประกันภัยทำงานในบริษัทต่าง ๆ ก็จะสามารถได้รับสวัสดิการประกันสุขภาพไปในตัว เพราะเป็นช่วงอายุที่ต้องเริ่มจ่ายค่าภาษีต่าง ๆ เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อประกันภัยที่สามารถช่วยประหยัดเรื่องของภาษีได้ เพราะฉะนั้นประกันที่ควรเลือกซื้อมากที่สุดควรจะเป็น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่มีระยะเวลาในการคุ้มครองที่ยาวนาน
วัยผู้ใหญ่ (31 – 50 ปี) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
สำหรับในช่วงวัยผู้ใหญ่ ที่หลาย ๆ คนเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัย และเริ่มสร้างครอบครัวของตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ควรเตรียมความพร้อมในการรับมือภาระต่าง ๆ ที่จะเพิ่มมากขึ้น โดยควรมองหาหลักประกันให้กับคนในครอบครัวเป็นหลัก สำหรับประกันชีวิตที่เหมาะกับวัยผู้ใหญ่มากที่สุดควรจะเป็น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา เพราะปิดประตูความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาของหัวหน้าครอบครัว
วัยก่อนเกษียณ (51 ปีขึ้นไป) ประกันชีวิตที่ความคุ้มครองไม่สูงมาก พ่วงประกันสุขภาพ
สำหรับวัยก่อนเกษียณ ถือเป็นช่วงเวลาที่ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เริ่มจะลดลงเรื่อย ๆ เพราะด้วยองค์ประกอบครอบครัวที่เริ่มจะลงตัว เพราะฉะนั้นการทำประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองสูงจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไป สำหรับท่านไหนที่ไม่เคยมีประกันสุขภาพมาก่อน ควรจะเริ่มมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล หรือคุ้มครองโรคร้าย เป็นหลัก เพราะเมื่ออายุมากขึ้น โรคภัยต่าง ๆ ก็จะมากขึ้นตาม เพราะฉะนั้นการทำประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองไม่สูงมาก และพ่วงประกันสุขภาพด้วย จึงเป็นทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ดีที่สุด
สรุป : สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำประกันชีวิต ควรที่จะต้องอ่าน และศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้เข้าใจเสียก่อน เพราะถ้าหากเกิดข้อสงสัย ควรที่จะต้องเข้ารับการชี้แนะจากเจ้าหน้าที่ประกันภัยที่ดูแลอยู่ในขณะนั้น ๆ เพื่อที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าความคุ้มครองต่าง ๆ ที่อยู่ภายในสัญญา เหมาะสม และเพียงพอต่อผู้ทำประกันแล้วหรือยัง โดยสามารถทำการปรับเปลี่ยนแผนต่าง ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เหมาะกับช่วงเวลาดังกล่าวให้มากที่สุด