ธุรกิจร้านอาหารมักลืมทำประกัน และความคุ้มครองที่ควรมี
ธุรกิจ ร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม ไปจนถึงความรับผิดต่อลูกค้าที่อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ อย่างไรก็ตาม เจ้าของธุรกิจหลายรายมักมองข้ามความสำคัญของการทำประกันภัย หรือทำประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นจริง กลับไม่ได้รับการชดเชยที่เพียงพอ
ความเสี่ยงที่ธุรกิจ ร้านอาหาร ต้องเจอ
- ความเสี่ยงด้านทรัพย์สิน: ความเสียหายต่ออาคาร เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว วัตถุดิบ จากไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่นๆ
- ความเสี่ยงด้านความรับผิด: ความรับผิดต่อลูกค้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในร้าน หรืออาหารเป็นพิษ
- ความเสี่ยงด้านธุรกิจ: การหยุดชะงักของธุรกิจจากการเกิดความเสียหาย ทำให้สูญเสียรายได้
- ความเสี่ยงอื่นๆ: การถูกโจรกรรม การถูกฟ้องร้องจากลูกค้า
- ความเสี่ยงอุบัติเหตุ: อุบัติเหตุ ที่เกิดกับลูกค้า ในสถานประกอบการ หรือ การเกิดอุบัติเหตุกับพนักงาน ที่ไปทำงานนอกสถานที่
ความคุ้มครองที่ธุรกิจร้านอาหารควรมี
- การประกันอัคคีภัย: คุ้มครองความเสียหายต่ออาคารและทรัพย์สินภายในร้านจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า การระเบิด
- การประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก: คุ้มครองกรณีที่ลูกค้าได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในร้าน หรือจากอาหารเป็นพิษ
- การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก: คุ้มครองกรณีที่ธุรกิจต้องหยุดชะงักจากการเกิดความเสียหาย ทำให้สูญเสียรายได้
- การประกันภัยโจรกรรม: คุ้มครองกรณีที่ทรัพย์สินภายในร้านถูกโจรกรรม ทั้งแบบมีร่องรายการงัดแงะ หรือ แบบที่มีเฉพาะภาพ vdo ในกล้องวงจรปิด ก็ต้องมีความคุ้มครองค่ะ
- การประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์: คุ้มครองกรณีที่ลูกค้าได้รับความเสียหายจากสินค้าหรืออาหารที่ร้านจำหน่าย
สิ่งที่มักถูกมองข้าม
- การประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์: ผู้ประกอบการหลายรายมองข้ามความสำคัญของการประกันภัยในส่วนนี้ ทำให้เมื่อเกิดปัญหาอาหารเป็นพิษขึ้นมา กลับต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด
- การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก: ผู้ประกอบการอาจมองว่าความเสี่ยงที่ธุรกิจจะหยุดชะงักนั้นมีน้อย แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริง ก็อาจทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลงอย่างถาวร
- ความคุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากสถานที่จอดรถ : สถานที่จอดรถ ก็เป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อรถของลูกค้า ซึ่งบางครั้งก็มีมูลค่าที่สูงมากเช่นกัน
- การประกันภัยความเสี่ยงอื่นๆ: นอกจากความเสี่ยงหลักๆ แล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเจอ เช่น การถูกฟ้องร้องจากลูกค้า หรือพนักงาน ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการทำประกันภัยที่ครอบคลุม
- การประกันภัยคุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากสถานที่จอดรถ : ลานจอดรถนั้นก็มีความสำคัญที่อาจจะเกิดความเสียหายและมี มูลค่าความเสียหายที่สูงๆ ได้เช่นกัน เพราะรถบางรุ่น มูลค่าหลายล้านบาท หากเกิดเหตุการที่เกี่ยวค่องกับร้านภายใน สถานที่จอดรถ ประกันก็จะเข้ามาดูแลคุ้มครองส่วนที่เสียหายให้
ข้อแนะนำ
- ประเมินความเสี่ยง: ผู้ประกอบการควรประเมินความเสี่ยงของธุรกิจตนเองอย่างรอบด้าน เพื่อให้ทราบว่ามีความเสี่ยงใดบ้างที่ต้องให้ความสำคัญ
- เลือกแผนประกันที่เหมาะสม: ควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมความเสี่ยงที่สำคัญของธุรกิจ และมีวงเงินความคุ้มครองที่เพียงพอ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจว่าจะต้องทำประกันภัยประเภทใดบ้าง หรือควรมีวงเงินความคุ้มครองเท่าใด ควรปรึกษาอินชัวร์ฮับซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย
อย่ารอจนสายเกินไป
การทำประกันภัยคือการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจ การมองข้ามความสำคัญของการทำประกันภัย อาจทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความเสียหายที่ร้ายแรงจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารจึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัย และเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง เพื่อความอุ่นใจและความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
- ทำประกันภัยร้านอาหารราคาเท่าไหร่? ราคาประกันภัยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ประเภทของธุรกิจ วงเงินความคุ้มครอง และแผนประกันที่เลือก
- ทำประกันภัยร้านอาหารที่ไหนดี? สามารถปรึกษาอินชัวร์ฮับเพื่อทำประกันภัยได้เลย โดยอินชัวร์ฮับจะส่งแผนประกันให้เปรียบเทียบข้อเสนอและความคุ้มครองของแต่ละบริษัทก่อนตัดสินใจ
- ประกันภัยร้านอาหารครอบคลุมอะไรบ้าง? ความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก โดยทั่วไปจะครอบคลุมความเสียหายต่อทรัพย์สิน ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การหยุดชะงักของธุรกิจ และอื่นๆ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัย และเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ตลอดเวลาค่ะ